วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บทบาทของดวงอาทิตย์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิต


บทบาทของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต


     นับตั้งแต่ปฏิกิริยาอุณหนิวเคลียร์ (thermonuclear reaction) ในใจกลางดวงอาทิตย์ 

แผ่พลังงานออกมาในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและพลังงานที่สะสมภายในอนุภาค 

ใช้เวลาเดินทางนับหมื่นนับแสนปีจนกระทั่งถึงผิวดวงอาทิตย์ และต่อด้วยการเดินทาง

 8 นาทีมายังโลกของเรา ในรูปของแสงที่มองเห็น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ และรังสีอื่น ๆ 

ต้องขอบคุณชั้นบรรยากาศโลกที่ได้กรองเอาสิ่งที่เป็นอันตรายเหล่านี้ออกไป ไม่นานนัก

พลังงานก็ถึงยังพื้นโลก ทั้งให้ความอบอุ่นน่าอยู่ในเขตหนาว หรือแม้แต่ให้ความรู้สึกรำคาญ

ในเขตร้อน ทว่าพลังงานจากดวงอาทิตย์ก็ได้ถูกดูดซับเข้าไปในพืชและโพรทิสต์ 

ากนั้นพืชก็สามารถตรึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศได้เป็นน้ำตาล 

ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง น้ำตาลที่ได้นั้นพืชก็จะนำไปแปรรูปเป็นทั้ง

ผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ออแกเนลล์ภายในเซลล์ ฯลฯ นอกเหนือจากธาตุอาหาร

ที่ดูดขึ้นมาจากดิน



     เมื่อพืชเป็นผู้ผลิต (ที่แท้จริงคือผู้แปรรูป) อาหารจากพลังงานแสงอาทิตย์ 

ก็ทำให้สัตว์มีอาหารจากส่วนต่าง ๆ ของพืช ในการสลายอาหารของสัตว์

 สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากอาหารที่ได้รับแล้วก็คือออกซิเจน ซึ่งเป็นของเสีย

ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อไปรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้ายในกระบวนการ

สลายสารอาหารระดับเซลล์ ขณะเดียวกันสัตว์ก็หายใจเอาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์

ซึ่งเป็นสารพลังงานต่ำออกมา เพื่อที่พืชจะได้ตรึงอีกครั้งเป็นวัฏจักร

  
   อิทธิพลของดวงอาทิตย์ต่อโลก ดวงอาทิตย์เป็นกลุมก้อนก๊าซมีอุณหภูมิสูงมาก

โดยที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงถึง 6,000 C ถึง- 20,000,000 C 

บริเวณใจกลางดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงถึง16,000,000 C จึงนับได้ว่าดวงอาทิตย์ 

เป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่โลกอยู่ใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์พลังงาน

เกือบทั้งหมดบนโลก จะได้มาจากดวงอาทิตย์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดวงอาทิตย์

เป็นกลุ่มก้อนก๊าซที่มีอุณหภูมิสูงมากมีลักษณะเป็นทรงกลม ส่งพลังงานและอนุภาคต่าง ๆ

ออกไปรอบตัวโดยการ แผ่รังสีตลอดเวลา จัดเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในระบบสุริยะ

 ผลจากการศึกษา ซากของสิ่งมีชีวิตหรือที่เรียกว่า ฟอสซิล(fossil)



     พบว่าดวงอาทิตย์ได้แผ่รังสีมายังโลกเป็นเวลานาน ประมาณหนึ่งพันล้านปีมาแล้ว

สิ่งมีชีวิตบนโลกพวกพืชและสัตว์เป็นผู้นำพลังงานจากดวงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์

และยังมีพลังงานในรูปของลมและคลื่นรวมกันแล้ว

พลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์มี 2 ประเภทคือ 

  1. พลังงานที่มีผลต่อโลกทันทีเป็นพวกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อผ่านบรรยากาศของโลก

ลงมาจะเกิดผลทันทีประกอบด้วยพลังงาน ความร้อนและแสงสว่างเป็นส่วนใหญ่รวมทั้ง

คลื่นวิทยุ มีรังสีอัลตราไวโอเลต เพียงเล็กน้อยที่ผ่านบรรยากาศลงมาได้ เพราะส่วนใหญ่

จะถูกดูดกลืนโดย โอโซนในบรรยากาศ

  2. พลังงานที่มีผลต่อโลกภายหลังเป็นพวกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าต่าง ๆ จากดวงอาทิตย์

ซึ่งไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศมาถึง ผิวโลกได้ ได้แก่ อนุภาครังสีคอสมิคซึ่งเป็นอนุภาค

โปรตอนและลมสุริยะซึ่งเป็น อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าบวกที่มีความเร็วต่ำและอิเล็คตรอน

 อนุภาคเหล่านี้จะเดินทางมาถึงโลกหลังจากเกิด การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์แล้วประมาณ 

20-40 ชั่วโมง จะไปรบกวนสนามแม่เหล็กโลกทำให้เกิดพายุแม่เหล็กซึ่งมีผลต่อระบบ

สื่อสารทางวิทยุบนโลกเท่านั้น จึงนับได้ว่าดวงอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่

โลกอยู่ใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์พลังงานเกือบทั้งหมดบนโลก 

จะได้มาจากดวงอาทิตย์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก้อนก๊าซที่มีอุณหภูมิ

สูงมากมีลักษณะเป็นทรงกลม ส่งพลังงานและอนุภาคต่าง ๆ ออกไปรอบตัวโดยการ

แผ่รังสีตลอดเวลา จัดเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในระบบสุริยะ ผลจากการศึกษา

ซากของสิ่งมีชีวิตหรือที่เรียกว่า ฟอสซิล(fossil)

  
   พบว่าดวงอาทิตย์ได้แผ่รังสีมายังโลกเป็นเวลานาน ประมาณหนึ่งพันล้านปีมาแล้ว

สิ่งมีชีวิตบนโลกพวกพืชและสัตว์เป็นผู้นำพลังงานจากดวงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ 

และยังมีพลังงานในรูปของลมและคลื่นรวมกันแล้ว




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น