วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โครงสร้างของดวงอาทิตย์


โครงสร้างของดวงอาทิตย์


       องค์ประกอบและกลไกของดวงอาทิตย์ 
ไส้แกนกลางภายใน (แกนพลังงานแสงอาทิตย์)
เป็นส่วนที่อยู่ใจกลางมีพื้นที่ 1.6% ของทั้งหมดเป็นแหล่งที่สร้างพลังงาน
ชั้นแผ่รังสี (รังสีโซน)
ถัดออกมาจากส่วนใจกลางมีพื้นที่ 71.3% ของทั้งหมดนําพลังแผ่กระจายสู่ด้านบน
ชั้นพาพลังงานความร้อน (พาโซน)
บริเวณเหนือขึ้นมาบนส่วนชั้นแผ่รังสี (การแผ่รังสีโซน) มีพื้นที่ 27.1% ของทั้งหมดเป็นชั้นที่มีมวลสสาร
นําพลังงานจากชั้นแผ่รังสีขึ้นมา
โฟโตสเฟียร์ (photosphere)
โดยทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวข้างต้นอยู่ใต้พื้นผิวของโฟโตสเฟียร์ (photosphere) มีกลไกทํางานสัมพันธ์กันคือ
พลังงานทั้งหมดเกิดจากปฏิกิริยาของจุดศูนย์กลาง (ปฏิกิริยานิวเคลียร์) บริเวณไส้แกนกลางภายใน
(แกนพลังงานแสงอาทิตย์) ด้วยหลอมละลายไฮโดรเจน (Hydrogen) สู่ฮ​​ีเลียม (Helium) มีความหนาแน่นและกดดันสูง
148,000 กก. / ตรม แล้วขยายตัวออกมาโดยรอบจากแกนกลางเข้าสู่บริเวณชั้นแผ่รังสี (รังสี
โซน) กลับไปกลับมาเช่นนี้โดยแต่ละ
ครั้ง เดินทางผ่านชั้นแผ่รังสี (รังสีโซน) ออกสู่
ชั้นพาพลังงานความร้อน (พาโซน) ใช้เวลาเฉลี่ย 170,000 ปี
สําหรับชั้นพาพลังงานความร้อน (พาโซน) เป็นส่วนด้านบนสุดเป็นบริเวณที่เกิดพลาสมาร้อน
(พลาสม่าน่าสนใจ) เห็นพื้นผิวเป็นลักษณะ
ฟองเดือดปุด ๆ เรียกว่าฟองสุริยะ (เม็ด)
ดังนั้นในชั้นโฟโตสเฟียร์ (photosphere) เป็นส่วนของแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์มีโดยทั่วไป
เช่นเดียวกับดาวอื่น ๆ ทุกดวง (รังสีที่มองเห็น) พลังงานดวง
อาทิตย์จึงหลุดรอดสู่อวกาศจากโฟโตสเฟียร์ (photosphere) เป็นส่วนมาก
โครโมสเฟียร์ (Chromosphere)
ภาษาลาตินแปลว่าขอบเขตของสีเป็นแบ่งชั้นบรรยากาศอยู่ตรงกลางระหว่างโคโรน่า (Corona) อยู่ด้าน
บนและโฟโตสเฟียร์ (photosphere) อยู่ด้านล่างมีอุณหภูมิระหว่าง 10,000 - 20,000 เคลวินสามารถ
มองเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่าขณะที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกบริเวณริมขอบเป็นสีชมพูแดงเรื่อ ๆ

การลุกจ้า (พลุ)
เป็นพฤติกรรมสามัญของดวงอาทิตย์ โดยเกิดขึ้นอย่างทันที่
ทันใด ทุกๆวินาทีเกิดแสงอย่างน้อย 1,000 ครั้ง
ด้วยพลังงานจากการลุกจ้าและเกิดทั่วไปมีอุณหภูมิสูงมากถึง 10 ล้านเคลวินสามารถปล่อยรังสีเอ็กซ์เรย์
กลุ่มใหญ่ราว 0.1 นาโนเมตร. ออกมาด้วย
วงเปลวสุริยะ (prominences วน)
เปลวไฟขนาดยักษ์เหมือนโหนกยื่นออกมา หรือดูคล้ายหางม้าคือบริเวณที่มีความสัมพันธ์ระหว่างความ
เย็นตัวลงและความหนาแน่นของพลาสมา (Plasma) ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้โฟโตสเฟียร์ (photosphere)
ด้วยการไหลเวียนถ่ายเทพลังงานกันจากปฎิกิริยาของสนามแม่เหล็กมี 2 ประเภทคือ
รุ่งเรืองสงบ สามารถคงสภาพได้
เป็นสัปดาห์หรือนับเดือนมีความสูง 100,000-600,000 กม ความกว้างราว 5,000-10,000 กม
ใช้งานล่าสุดรุ่งเรืองอายุจะเกิดในบริเวณจุดบนดวงอาทิตย์ (ดวงอาทิตย์) สั้นกว่าแบบแรกมีการเคลื่อนตัว
และบริเวณการลุกจ้า (พลุ) เป็นลักษณะการเกิดร่วมปะปนกันบางครั้งมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระลอก
คลื่นและบางครั้งพ่นเป็นละอองหรือขมวดตัวก็มีปรากฎให้เห็น
ฟองสุริยะ (เม็ด)
เม็ดหรือ เหมือนรวงผึ้ง
(รูปแบบเซลลูล่าร์) ซึ่งเกิดบริเวณโฟโตสเฟียร์ (photosphere) เป็นการเดือดของพลาสมาร้อน (น่าสนใจ
พลาสม่า) จากภายในชั้นพาพลังงานความร้อน (พาโซน)
หนามสุริยะ (spicules)
คล้ายเส้นผมแหลมๆโผล่ขึ้นกระตุ้นของพลังงานไฟฟ้าสามารถคงสถานะไว้ในรูปแบบที่มาเกิดจากการ
ความสูงอาจถึง 90,000 กม และอาจมีเสันผ่าศูนย์กลางราว
500 กม. ได้

จุดบนดวงอาทิตย์ (ใต้จุดดวงอาทิตย์)
เป็นการเกิดความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก ในลักษณะชั่วคราว สามารถเห็นเป็นจุดแสงสีขาวบริเวณชั้น
โฟโตสเฟียร์ (photosphere) มีค่าของสนามแม่เหล็กระหว่าง 2,000-4,000 เกาส์ความเป็นจริงใจกลาง
จุดบนดวงอาทิตย์ (ดวงอาทิตย์) เป็นจุดดํามืดและเทามีอุณหภูมิราว 4,000 เคลวินเหตุที่มีสีดําเพราะเกิด
การเปลี่ยนแปลงของวัตถุดิบและเย็นตัวกว่าในบริเวณอื่นขนาดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 1,000 ตร.กม. จนขนาด
ใหญ่นับแสน ตร.กม.
การปรากฎของจุดบนดวงอาทิตย์ (ดวงอาทิตย์) สามารถจัดประเภทของกลุ่มจุดบนดวงอาทิตย์เรียกว่า
การจัดหมวดหมู่กลุ่มจุดบอดบนดวงอาทิตย์โดยมีรูปแบบและเกณฑ์ที่ต่างกัน
โคโรน่า (Corona)
ภาษาลาตินแปลว่ามงกุฎเป็นเขตชั้นนอกสุด (นอกสุด) ของชั้นบรรยากาศดวงอาทิตย์ซึ่งอยู่เหนือ
โครโมสเฟียร์ (Chromosphere) ซึ่งเป็นก๊าซสีแดงโดยจะเห็นโคโรน่า (Corona) เป็นรัศมีแสงสีขาวเลือน
พร่า (สีขาวรัศมี) รอบ ๆ ดวงอาทิตย์
ความสําคัญของดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานเดียวในระบบสุริยะใหญ่ที่สุดใกล้ตัวเรามากที่สุดหากจินตนาการว่าว่าตื่น
ขึ้นมาตอนเช้า ?
แน่นอนที่สุดสภาพโลกมืดสนิทดวงจันทร์ก็มืดไปด้วยอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิลดลดติดลบพืชล้มตาย
เนื่องขาดระบบการสังเคราะห์แสงระบบนิเวศล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิงฤดูกาลหายไปหมดสภาพอากาศ
แปรปรวน ทุกอย่างบนโลกลอยสู่อวกาศอย่างไร้จุด
หมายควบคุมไม่ได้
ดาวเคราะห์ต่างๆในระบบสุริยะโคจรชนกันอย่างโกลาหล ดาวเคราะห์บางส่วนตกอยู่ใต้อํานาจแรงดึงดูด
ของดาวพฤหัส (Jupiter) เพียงเป็นเรื่องสมมุติจุดประสงค์
ให้เห็นความเชื่อมญของแยกไม่ได้ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์และทุกสิ่งที่โยงที่สําคัระบบที่เกี่ยวข้องกัน
อยู่ในทั้งระบบสุริยะ
หมายความว่าพลังงานจากดวงอาทิตย์เป็นพลังงานดั่งเดิมในระบบจักรวาลได้จัดการไว้ให้ทุกชีวิตได้ใช้
อย่างเท่าเทียมทั่วถึง ซึ่งนํามาใช้ประโยชน์ที่ประสงค์โดย
ไม่เคยทวงถามข้อแลกเปลี่ยนใด ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น