การเกิดดวงอาทิตย์
เอกภพ นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า 13,000 - 14.00 ล้านปีมาแล้ว เมื่ออุณหภูมิของเอกภพลดลงเอกภพจะมีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นแกแล็คซี่แกแล็คซี่ที่เราอยู่เรียกว่าแกแล็คซี่ทางช้างเผือก รวมทั้งดาวเคราะห์หลุมดำที่เรามองไม่เห็นและเมฆฝุ่นกับก๊าซที่เรียกว่าเนบิลล่า (เนบิวลา) มีดาวเคราะห์เป็นบริวาร 8 ดวงเรียงตามลำดับจากในสุดคือดาวพุธ (Mercury) ดาวศุกร์ (Venus) โลก (โลก) ดาวอังคาร (Mars) ดาวพฤหัส (Jupiter) ดาวเสาร์ (Saturn) ดาวยูเรนัส (Urenus) และดาวเนปจูน (ดาวเนปจูน)
และรังสีแกมม่า ดวงอาทิตย์ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 5,000 ล้านปีมาแล้ว 25,000 ปีแสงดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ชั้น G2 ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1392000 กิโลเมตร 109 เท่า 3 แสนเท่ามีมวลมากกว่าโลกประมาณ 1/3 ล้านเท่า ประกอบด้วยไฮโดรเจนประมาณ 75% และ 25% ที่ 0.1% เป็นฮีเลียมประมาณเหลือจำนวนโลหะ ฟิวชั่น) หรือไฮโดรเจนบอมบ์ที่มาของพลังงานของดวงอาทิตย์
E = MC2 15,000,000 องศาเซลเซียส ณ (เทอร์โมนิวเคลียร์) ในทุกๆ 1 วินาทีดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนไฮโดรเจน 700 ล้านตันให้กลายเป็นฮีเลียม 695 ล้านตัน ดวงอาทิตย์มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนแกนหรือคอร์ (แกน) โซน) โซน) มีการเคลื่อนที่ถ่ายเทพลังงานให้กันและกัน
ได้แก่ โฟโตสเฟียร์ (photosphere) โครโมสเฟียร์ (Chromosphere) และโคโรนา (Corona) ดวงอาทิตย์มีลักษณะปรากฏเป็นแสงเรืองมีรัศมีสีนวลสุกสกาวในขณะที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง 1,500,000 - 2,500,000 องศาเคลวิน (ลมแสงอาทิตย์) 300-1,000 กิโลเมตรต่อวินาที แสงใต้อันงดงามที่บริเวณขั้วโลก
จุดดำบนดวงอาทิตย์ (ใต้จุดดวงอาทิตย์) โฟโตสเฟียร์ (photosphere) บางจุดมีอุณหภูมิสูงถึง 3,800 เคลวิน โฟโตสเฟียร์ แต่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงทุกรอบ 11 ปีซึ่งรู้จักกันในชื่อของวัฏจักรสุริยะ (Solar วงจร)
Flare พลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งให้พลังงานสูงมาก 100 เมกะตันจำนวน 1 ล้านลูกรวมกัน อุณหภูมิของเปลวไฟพลังงานแสงอาทิตย์จะสูงถึงหลายล้านเคลวิน พายุ) เลยทีเดียว เวียนมวลปลดหรือ CME ซึ่งช้ากว่าความเร็วแสงมาก
จะค่อยๆลอยสูงขึ้น มวลสารพวกนี้คือพลาสมา จนเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้ที่เรียกกันว่าออโรร่า (Aurora) บนโลกแถบขั้วโลกเหนือและใต้ CME
ดำเนินมาแล้วเป็นเวลา 5,000 ล้านปี แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังมีเวลาเหลืออีก 5,000 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าในอีก 5,000 ล้านปีดวงอาทิตย์จะจบชีวิตลง 1.5 เท่าของโลก
แสงจากดวงอาทิตย์จึงเป็นดั่งชีวิต เพราะยิ่งค้นพบมากเท่าไหร่ ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทั้งการใช้พลังงานจากพืชพลังงานน้ำและพลังงานลม โดยเฉพาะของประเทศไทยเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น